การทำความเข้าใจการโฆษณาชวนเชื่อ: เทคนิค ตัวอย่าง และการจำแนก
การโฆษณาชวนเชื่อเป็นรูปแบบหนึ่งของการสื่อสารที่ใช้มีอิทธิพลต่อทัศนคติและความเชื่อของบุคคลต่อสาเหตุ อุดมการณ์ หรือวาระทางการเมืองโดยเฉพาะ มักเกี่ยวข้องกับการใช้ข้อมูลที่ลำเอียงหรือทำให้เข้าใจผิด การดึงดูดทางอารมณ์ และการกล่าวซ้ำๆ เพื่อสร้างความประทับใจหรือการตอบสนองที่ต้องการในกลุ่มผู้ชม การโฆษณาชวนเชื่อสามารถพบได้ในสื่อหลากหลายรูปแบบ เช่น การโฆษณา สุนทรพจน์ทางการเมือง บทความข่าว และโพสต์บนโซเชียลมีเดีย
2 เทคนิคทั่วไปที่ใช้ในการโฆษณาชวนเชื่อมีอะไรบ้าง ?
เทคนิคทั่วไปที่ใช้ในการโฆษณาชวนเชื่อได้แก่:
1 การดึงดูดทางอารมณ์ : การใช้อารมณ์ เช่น ความกลัว ความเกลียดชัง หรือความรัก เพื่อสร้างการตอบสนองที่รุนแรงต่อผู้ฟัง
2. การกล่าวซ้ำ : การกล่าวข้อความหรือสโลแกนซ้ำหลายครั้งเพื่อให้น่าจดจำและโน้มน้าวใจมากขึ้น 3. แพะรับบาป : การกล่าวโทษกลุ่มหรือบุคคลใดกลุ่มหนึ่งเกี่ยวกับปัญหาหรือปัญหา
4 Bandwagon Effect : การสร้างความประทับใจว่าแนวคิดหรือสาเหตุเฉพาะนั้นได้รับความนิยมหรือได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวาง 5. ลักษณะทั่วไปที่แวววาว : การใช้คำหรือวลีเชิงบวกที่กระตุ้นอารมณ์เพื่อสร้างภาพลักษณ์เชิงบวกของผลิตภัณฑ์ แนวคิด หรือผู้สมัคร
6 การแพร่กระจายความกลัว : การใช้ความกลัวชักชวนผู้ฟังให้ยอมรับมุมมองเฉพาะ 7. ประเด็นขัดแย้งที่ผิดพลาด : การนำเสนอเพียงสองทางเลือกราวกับว่าเป็นทางเลือกเดียวที่เป็นไปได้เมื่ออาจมีทางเลือกอื่น ๆ
8 การซ้อนการ์ด : การเลือกนำเสนอข้อมูลที่สนับสนุนจุดยืนของตนโดยไม่สนใจหรือมองข้ามข้อมูลที่ขัดแย้งกับข้อมูลนั้น
9 คนธรรมดา : การแสดงตนเป็นคนติดดินเป็นประจำเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจและการสนับสนุนจากผู้ชม 10. ข้อความรับรอง : การใช้การรับรองจากบุคคลที่เคารพนับถือหรือผู้มีอิทธิพลเพื่อโปรโมตผลิตภัณฑ์ แนวคิด หรือผู้สมัคร 3. คุณจะระบุโฆษณาชวนเชื่อได้อย่างไร ?
หากต้องการระบุโฆษณาชวนเชื่อ ให้มองหาลักษณะทั่วไปเหล่านี้:
1 การดึงดูดทางอารมณ์ : การโฆษณาชวนเชื่อมักจะดึงดูดอารมณ์ต่างๆ เช่น ความกลัว ความเกลียดชัง หรือความรัก เพื่อสร้างกระแสตอบรับที่รุนแรงในหมู่ผู้ชม
2 ข้อมูลด้านเดียว : การโฆษณาชวนเชื่อมักจะนำเสนอปัญหาเพียงด้านเดียว โดยเพิกเฉยหรือมองข้ามข้อมูลที่ขัดแย้งกับข้อมูลนั้น 3. การกล่าวซ้ำ : การโฆษณาชวนเชื่อมักจะกล่าวข้อความหรือสโลแกนซ้ำหลายครั้งเพื่อให้น่าจดจำและโน้มน้าวใจมากขึ้น
4 การแพะรับบาป : การโฆษณาชวนเชื่อมักจะโทษกลุ่มหรือบุคคลใดกลุ่มหนึ่งเกี่ยวกับปัญหาหรือประเด็นปัญหา5 Bandwagon Effect : การโฆษณาชวนเชื่อมักสร้างความรู้สึกว่าแนวคิดหรือสาเหตุใดแนวคิดหนึ่งได้รับความนิยมหรือได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวาง 6. ลักษณะทั่วไปที่แวววาว : การโฆษณาชวนเชื่อมักใช้คำหรือวลีที่กระตุ้นอารมณ์เชิงบวกเพื่อสร้างภาพลักษณ์เชิงบวกของผลิตภัณฑ์ แนวคิด หรือผู้สมัคร 7 การแพร่กระจายความกลัว : การโฆษณาชวนเชื่อมักใช้ความกลัวเพื่อชักชวนผู้ฟังให้ยอมรับมุมมองเฉพาะเจาะจง
8 ประเด็นขัดแย้งที่เป็นเท็จ : การโฆษณาชวนเชื่อมักจะนำเสนอเพียงสองทางเลือกราวกับว่ามันเป็นความเป็นไปได้ทางเดียวเมื่ออาจมีทางเลือกอื่น ๆ 9. การซ้อนการ์ด : การโฆษณาชวนเชื่อมักจะเลือกนำเสนอข้อมูลที่สนับสนุนจุดยืนของตน โดยไม่สนใจหรือมองข้ามข้อมูลที่ขัดแย้งกับข้อมูลนั้น
10 คนธรรมดา : การโฆษณาชวนเชื่อมักแสดงตนว่าเป็นคนธรรมดาและติดดินเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจและการสนับสนุนจากผู้ชม
11 ข้อความรับรอง : การโฆษณาชวนเชื่อมักใช้การรับรองจากบุคคลที่เคารพนับถือหรือผู้มีอิทธิพลเพื่อโปรโมตผลิตภัณฑ์ แนวคิด หรือผู้สมัคร 4. มีตัวอย่างโฆษณาชวนเชื่อในประวัติศาสตร์อะไรบ้าง ?
ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างโฆษณาชวนเชื่อในประวัติศาสตร์:
1. สโลแกน "Arbeit Macht Frei" (งานทำให้คุณเป็นอิสระ) ของนาซีเยอรมนี ซึ่งใช้เพื่อชักชวนชาวยิวและชนกลุ่มน้อยอื่นๆ ให้ทำงานในค่ายกักกันในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
2 การรณรงค์ "ก้าวกระโดดครั้งใหญ่" ของสหภาพโซเวียต ซึ่งใช้เพื่อส่งเสริมแนวคิดเรื่องการพัฒนาอุตสาหกรรมและการรวมกลุ่มอย่างรวดเร็วภายใต้การนำของสตาลิน
3 โปสเตอร์ "Rosie the Riveter" ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งใช้เพื่อส่งเสริมให้ผู้หญิงทำงานในโรงงานในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
4 คำแถลงของรัฐมนตรีกระทรวงสารสนเทศอิรักเกี่ยวกับการมีอยู่ของอาวุธทำลายล้างสูงในอิรักก่อนการรุกรานที่นำโดยสหรัฐฯ ในปี 2546
5 สโลแกน "ใช่เราทำได้" ซึ่งใช้ในการหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของบารัค โอบามาในปี 2551
6 สโลแกน "Make America Great Again" ใช้ในการหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์ในปี 2016
7 การรณรงค์ "ไม่" ในการลงประชามติการแต่งงานเพศเดียวกันปี 2017 ของออสเตรเลีย ซึ่งใช้การอุทธรณ์ทางอารมณ์และการเป็นแพะรับบาปเพื่อชักชวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ปฏิเสธข้อเสนอนี้
8 การรณรงค์ "ออก" ในการลงประชามติ Brexit ของสหราชอาณาจักรในปี 2559 ซึ่งใช้ประเด็นขัดแย้งที่เป็นเท็จและการซ้อนบัตรเพื่อชักชวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ออกจากสหภาพยุโรป
9 โฆษณา "Fearless Girl" ของ State Street Global Advisors ซึ่งใช้เด็กสาวยืนอย่างมั่นคงหน้ารูปปั้นกระทิงชาร์จในย่านการเงินของนครนิวยอร์ก เพื่อส่งเสริมแนวคิดเรื่องความหลากหลายทางเพศและความเท่าเทียมในการเป็นผู้นำขององค์กร
10 การเคลื่อนไหว "Black Lives Matter" ใช้แฮชแท็กและการประท้วงบนโซเชียลมีเดียเพื่อดึงความสนใจไปที่ความโหดร้ายของตำรวจและการเหยียดเชื้อชาติอย่างเป็นระบบต่อชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน