การทำความเข้าใจลัทธิหลังยุคกลาง: การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่หล่อหลอมสังคมยุคใหม่
ยุคหลังยุคกลางเป็นคำที่ใช้อธิบายช่วงเวลาของประวัติศาสตร์ที่ตามมาในยุคกลาง ซึ่งโดยทั่วไปหมายถึงช่วงปีระหว่างการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันในศตวรรษที่ 5 และยุคเรอเนซองส์ในศตวรรษที่ 14 คำว่า "หลังยุคกลาง" มักใช้เพื่ออ้างถึงยุคสมัยใหม่ ซึ่งเริ่มต้นในศตวรรษที่ 16 และต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน แนวคิดเรื่องลัทธิหลังยุคกลางมีความสำคัญเนื่องจากเน้นย้ำถึงการเปลี่ยนแปลงสำคัญที่เกิดขึ้นในสังคมและวัฒนธรรมยุโรปในช่วงเวลานี้ . ยุคกลางมีลักษณะพิเศษคือระบบศักดินาซึ่งกษัตริย์และขุนนางกุมอำนาจ และประชากรส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในความยากจน ในทางตรงกันข้าม ยุคหลังยุคกลางเป็นช่วงที่มีการผงาดขึ้นของระบบทุนนิยม การพัฒนาของรัฐชาติสมัยใหม่ และการเกิดขึ้นของเทคโนโลยีใหม่ๆ และการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและการทำงานของผู้คน
ลักษณะสำคัญบางประการของสังคมหลังยุคกลางได้แก่:
1 การผงาดขึ้นของระบบทุนนิยม: เมื่อการค้าและการพาณิชย์ขยายตัว พ่อค้าและผู้ประกอบการประเภทใหม่ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาระบบเศรษฐกิจทุนนิยม
2 การเสื่อมถอยของระบบศักดินา: เมื่ออำนาจของกษัตริย์และขุนนางลดน้อยลง รูปแบบใหม่ของการปกครองและการจัดระเบียบทางสังคมก็ถือกำเนิดขึ้น เช่น การผงาดขึ้นของรัฐนครและการพัฒนารัฐชาติสมัยใหม่ การเกิดขึ้นของวิทยาศาสตร์สมัยใหม่: ยุคหลังยุคกลางมีความก้าวหน้าอย่างมากในความรู้ทางวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมทางเทคโนโลยี รวมถึงการค้นพบโลกใหม่ การพัฒนาแท่นพิมพ์ และการเกิดขึ้นของการแพทย์แผนปัจจุบัน
4 การเติบโตของเมือง: เมื่อการค้าและการพาณิชย์ขยายตัว เมืองต่างๆ ก็มีขนาดและความสำคัญเพิ่มขึ้น ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาวัฒนธรรมและสังคมเมืองรูปแบบใหม่ การเพิ่มขึ้นของความอดทนทางศาสนา: ตรงกันข้ามกับการไม่ยอมรับความอดทนทางศาสนาในยุคกลาง ยุคหลังยุคกลางมีการเกิดขึ้นของขบวนการทางศาสนาใหม่ๆ และการพัฒนาทัศนคติที่อดทนต่อความหลากหลายทางศาสนามากขึ้น
โดยรวมแล้ว แนวคิดของลัทธิหลังยุคกลางเน้นย้ำถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่เกิดขึ้น ในสังคมและวัฒนธรรมยุโรปในช่วงเวลานี้และช่วยให้เราเข้าใจถึงรากเหง้าของอารยธรรมตะวันตกสมัยใหม่



