การทำความเข้าใจโครงสร้างความสัมพันธ์ในการเขียน
Correlative เป็นคำที่ใช้ในภาษาศาสตร์เพื่ออธิบายความสัมพันธ์ระหว่างคำ วลี หรือประโยคตั้งแต่สองคำขึ้นไปที่มีความเป็นอิสระทางไวยากรณ์ แต่เชื่อมโยงกันทางความหมาย กล่าวอีกนัยหนึ่ง พวกมันไม่จำเป็นต้องเชื่อมโยงกันด้วยการเชื่อมโยงทางไวยากรณ์โดยตรง แต่พวกมันมีความสัมพันธ์ที่มีความหมายระหว่างกัน
ตัวอย่างเช่น ในประโยค "ฉันชอบกินพิซซ่า" "กิน" และ "พิซซ่า" มีความสัมพันธ์กัน เพราะทั้งสองเกี่ยวข้องกับเรื่อง "ฉัน" พวกมันไม่ได้เชื่อมโยงกันโดยตรงด้วยคำเชื่อมหรือคำบุพบท แต่พวกมันเชื่อมโยงกันทางความหมายโดยที่พวกมันทั้งสองอธิบายการกระทำของการกิน
โครงสร้างที่สัมพันธ์กันสามารถพบได้ในประโยคหลายประเภท รวมถึง:
1 Contrastive correlatives: สิ่งเหล่านี้ใช้เพื่อเปรียบเทียบสองความคิดหรือวัตถุ เช่น "เขาสูง แต่เธอเตี้ย"
2 Additive correlatives: ใช้เพื่อเพิ่มข้อมูลให้กับประโยค เช่น "ฉันชอบกินพิซซ่า และฉันก็ชอบดื่มเบียร์ด้วย"
3 สหสัมพันธ์เชิงสาเหตุ: ใช้เพื่อแสดงเหตุและผล เช่น “ฉันเรียนดึกจึงเหนื่อยในตอนเช้า”
4. ความสัมพันธ์เชิงเวลา: สิ่งเหล่านี้ใช้เพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่างสองเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นในเวลาที่ต่างกัน เช่น "ฉันทำการบ้านเสร็จก่อนเข้านอน"
โครงสร้างที่สัมพันธ์กันสามารถเพิ่มความซับซ้อนและความสนใจให้กับงานเขียนของคุณโดยการสร้างรายละเอียดที่ละเอียดอ่อนและละเอียดอ่อน ความสัมพันธ์ระหว่างความคิด อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องใช้อย่างรอบคอบและเฉพาะเมื่อจำเป็นต่อความหมายของประโยคเท่านั้น