ทำความเข้าใจกับคำหลัก 'สมมติ' ในฟังก์ชัน Haskell
คีย์เวิร์ด `assumes` ใน Haskell ใช้เพื่อระบุเงื่อนไขเบื้องต้นหรือสมมติฐานที่ต้องเป็นจริงเพื่อให้ฟังก์ชันใช้งานได้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง มันระบุเงื่อนไขที่ต้องคงไว้ก่อนจึงจะสามารถเรียกใช้ฟังก์ชันได้
ยกตัวอย่าง ลองพิจารณาฟังก์ชันต่อไปนี้:
```
f :: Int -> Int
f x = x + 1
```
ฟังก์ชันนี้รับจำนวนเต็ม `x` และคืนค่าตัวตายตัวแทน (เช่น `x + 1`) อย่างไรก็ตาม ฟังก์ชันนี้ใช้ไม่ได้หาก `x` เป็นลบ เนื่องจากผลลัพธ์ของ `x + 1` ก็เป็นลบเช่นกัน เพื่อระบุสมมติฐานนี้ เราสามารถใช้คีย์เวิร์ด `assumes`:
```
f :: Int -> Int ถือว่า (x >= 0)
f x = x + 1
```
ตอนนี้ ฟังก์ชัน `f` สามารถทำได้เพียง ถูกเรียกด้วยจำนวนเต็มบวก และถ้าจำนวนเต็มลบถูกส่งผ่านเป็นอาร์กิวเมนต์ คอมไพลเลอร์จะทำให้เกิดข้อผิดพลาด ในทำนองเดียวกัน เราสามารถใช้คีย์เวิร์ด `assumes` เพื่อระบุสมมติฐานหรือเงื่อนไขเบื้องต้นอื่น ๆ ที่ต้องเป็นจริงเพื่อให้ฟังก์ชันสามารถใช้งานได้ . ตัวอย่างเช่น:
```
g :: Int -> Int ถือว่า (คู่ x)
g x = x + 1
```
ฟังก์ชันนี้รับจำนวนเต็ม `x` และส่งกลับค่าที่ตามมา แต่เฉพาะในกรณีที่ `x` เป็นเลขคู่เท่านั้น ถ้า `x` เป็นเลขคี่ คอมไพลเลอร์จะทำให้เกิดข้อผิดพลาด
โดยสรุป คีย์เวิร์ด `assumes` ใน Haskell ใช้เพื่อระบุสมมติฐานหรือเงื่อนไขเบื้องต้นที่ต้องเป็นจริงเพื่อให้ฟังก์ชันสามารถใช้งานได้ ช่วยให้เราสามารถแสดงข้อจำกัดเกี่ยวกับค่าอินพุตที่ฟังก์ชันสามารถยอมรับได้ และสามารถช่วยป้องกันข้อผิดพลาดและปรับปรุงความน่าเชื่อถือของโค้ดของเรา