ทำความเข้าใจโรคม้ามโต: สาเหตุ อาการ และทางเลือกในการรักษา
Splenitis เป็นภาวะที่ม้ามอักเสบ ม้ามเป็นอวัยวะที่อยู่ด้านซ้ายบนของช่องท้อง ใต้กะบังลมเล็กน้อย มีบทบาทสำคัญในการกรองเลือดและกำจัดเซลล์เม็ดเลือดแดงเก่าหรือที่เสียหาย
มีสาเหตุที่เป็นไปได้หลายประการของภาวะม้ามโต รวมถึง:
1 การติดเชื้อไวรัส เช่น mononucleosis (mono) หรือ hepatitis
2 การติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น pneumococcus หรือ staphylococcus
3 การติดเชื้อรา เช่น ฮิสโตพลาสโมซิสหรือโรคค็อกซิดิโอโอไมโคซิส
4 การติดเชื้อปรสิต เช่น มาลาเรียหรือทอกโซพลาสโมซิส
5 ความผิดปกติของภูมิต้านตนเอง เช่น โรคลูปัส หรือโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์6 การบาดเจ็บที่ม้าม เช่น การถูกกระแทกที่ช่องท้อง
7 มะเร็ง เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลืองหรือมะเร็งเม็ดเลือดขาว อาการของม้ามอักเสบอาจรวมถึง:
1 ปวดท้องด้านซ้ายบน2. ไข้เวเร3. ความเมื่อยล้า
4. สูญเสียความอยากอาหาร5. ม้ามโต6. สีเหลืองของผิวหนังและดวงตา (ดีซ่าน)
7. อุจจาระสีซีดหรือมีเลือดปน 8. ต่อมน้ำเหลืองบวมการรักษาม้ามอักเสบขึ้นอยู่กับสาเหตุที่แท้จริง และอาจรวมถึงยาปฏิชีวนะ ยาต้านไวรัส หรือการผ่าตัดเพื่อเอาม้ามที่ได้รับผลกระทบออก ในบางกรณี อาการดังกล่าวอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้นจึงควรไปพบแพทย์หากอาการยังคงอยู่หรือแย่ลงเมื่อเวลาผ่านไป
โรคม้ามโตเป็นภาวะที่พบไม่บ่อย โดยที่ม้ามจะขยายใหญ่ขึ้นและเต็มไปด้วยเลือด อาจเกิดจากปัจจัยหลายประการ รวมถึงการบาดเจ็บ การติดเชื้อ หรือสภาวะทางการแพทย์บางอย่าง
อาการของภาวะม้ามโตอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสาเหตุที่แท้จริง แต่อาจรวมถึง:
* ปวดช่องท้องส่วนบนด้านซ้าย
* อาการบวมที่ส่วนบนด้านซ้าย ท้อง
* ไข้* หนาวสั่น* เบื่ออาหาร
* เหนื่อยล้า* อ่อนแอหากคุณสงสัยว่าคุณหรือคนอื่นอาจเป็นโรคม้ามโต สิ่งสำคัญคือต้องไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด ผู้ให้บริการด้านการแพทย์สามารถทำการตรวจร่างกายและสั่งการตรวจวินิจฉัย เช่น การศึกษาด้วยภาพหรือการตรวจเลือด เพื่อหาสาเหตุของม้ามโตและพัฒนาแผนการรักษาที่เหมาะสม การรักษาภาวะม้ามโตจะขึ้นอยู่กับสาเหตุที่แท้จริง แต่อาจรวมถึง:
* ยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาการติดเชื้อ
* ยาจัดการกับความเจ็บปวดเพื่อบรรเทาอาการไม่สบาย
* การผ่าตัดเพื่อเอาส่วนที่ได้รับผลกระทบของม้ามออกหรือเพื่อระบายฝี
* การดูแลแบบประคับประคองเพื่อจัดการกับอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อน
สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าโรคม้ามโตอาจเป็นภาวะร้ายแรง และการไปพบแพทย์โดยทันทีถือเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น เลือดออก ภาวะติดเชื้อ หรือเสียชีวิต