ผลกระทบเชิงลบจากการเดินเบาและเหตุใดคุณจึงควรดับเครื่องยนต์
การเดินเบาหมายถึงการปฏิบัติเพื่อให้เครื่องยนต์ของยานพาหนะทำงานในขณะที่รถจอดอยู่กับที่หรือไม่เคลื่อนที่ ซึ่งสามารถทำได้ด้วยเหตุผลหลายประการ เช่น เพื่อให้ห้องโดยสารอุ่นหรือเย็น จ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เสริม เช่น วิทยุหรือเครื่องปรับอากาศ หรือเพื่อหลีกเลี่ยงการต้องสตาร์ทเครื่องยนต์จากความเย็น อย่างไรก็ตาม การเดินเบาอาจส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ เช่นเดียวกับการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและลดอายุการใช้งานของยานพาหนะ อัตราการเดินเบายังเรียกอีกอย่างว่า "การขับเคลื่อนเครื่องยนต์" หรือ "การปล่อยให้เครื่องยนต์ทำงาน" มักทำเมื่อรถจอดกลางถนน ติดไฟแดง หรือในลานจอดรถ ผู้ขับขี่บางคนอาจเดินเบายานพาหนะของตนเป็นระยะเวลานาน ในขณะที่บางคนอาจเดินเบาเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนดับเครื่องยนต์
มีสาเหตุหลายประการที่ไม่แนะนำให้เดินเบา:
1 การสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง: การเดินเบาอาจทำให้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากรถถูกปล่อยทิ้งไว้เป็นระยะเวลานาน ซึ่งอาจส่งผลให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากเมื่อเวลาผ่านไป
2. การปล่อยมลพิษ: ยานพาหนะที่ไม่ได้ใช้งานจะปล่อยมลพิษที่เป็นอันตรายออกสู่อากาศ รวมถึงคาร์บอนมอนอกไซด์ ไนโตรเจนออกไซด์ และอนุภาคต่างๆ การปล่อยมลพิษเหล่านี้สามารถส่งผลต่อมลพิษทางอากาศและผลกระทบด้านลบต่อสุขภาพ3. การสึกหรอของเครื่องยนต์: การเดินเบาอาจทำให้เครื่องยนต์และส่วนประกอบสึกหรอโดยไม่จำเป็น ซึ่งสามารถลดอายุการใช้งานและเพิ่มค่าบำรุงรักษาได้
4 ความเสี่ยงต่อสุขภาพ: การสัมผัสกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากยานพาหนะที่ไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานานอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจอยู่แล้ว
5 ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม: ยานพาหนะที่เดินเบามีส่วนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น คาร์บอนไดออกไซด์และมีเทน นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดหมอกควันและฝนกรดอีกด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบด้านลบเหล่านี้ ขอแนะนำให้ดับเครื่องยนต์เมื่อรถไม่ได้เคลื่อนที่นานกว่า 30 วินาที สิ่งนี้สามารถประหยัดเชื้อเพลิง ลดการปล่อยมลพิษ และยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ รถยนต์สมัยใหม่บางรุ่นมีเทคโนโลยีที่จะดับเครื่องยนต์โดยอัตโนมัติเมื่อรถหยุดเป็นระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งสามารถช่วยให้ผู้ขับขี่จำไว้ว่าต้องดับเครื่องยนต์