สถาปัตยกรรมเสาหิน: ข้อดีและข้อเสีย
สถาปัตยกรรมเสาหินหมายถึงระบบซอฟต์แวร์ที่ประกอบด้วยหน่วยหรือโมดูลเดียวที่มีในตัวเอง กล่าวอีกนัยหนึ่ง มันเป็นระบบซอฟต์แวร์ที่ไม่ได้แบ่งออกเป็นส่วนประกอบหรือโมดูลที่เล็กกว่าและแยกจากกัน สถาปัตยกรรมแบบเสาหินสามารถเปรียบเทียบได้กับสถาปัตยกรรมไมโครเซอร์วิส โดยที่ระบบซอฟต์แวร์จะถูกแบ่งออกเป็นบริการขนาดเล็กที่เป็นอิสระและสื่อสารระหว่างกัน
ข้อดีของสถาปัตยกรรมเสาหิน:
1. พัฒนาและบำรุงรักษาง่ายกว่า: โดยทั่วไปแล้วสถาปัตยกรรมเสาหินมักจะพัฒนาและบำรุงรักษาได้ง่ายกว่าสถาปัตยกรรมไมโครเซอร์วิส เนื่องจากมีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวน้อยกว่าและมีความซับซ้อนน้อยกว่า ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น: เนื่องจากส่วนประกอบทั้งหมดของระบบเสาหินได้รับการบูรณาการอย่างแน่นหนา จึงสามารถให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่าสถาปัตยกรรมไมโครเซอร์วิส ซึ่งการสื่อสารระหว่างบริการต่างๆ อาจทำให้เกิดความล่าช้าได้ 3 แก้จุดบกพร่องง่ายกว่า: ด้วยสถาปัตยกรรมเสาหิน ทำให้ง่ายต่อการระบุและแยกปัญหา เนื่องจากระบบทั้งหมดรวมอยู่ในหน่วยเดียว ข้อเสียของสถาปัตยกรรมเสาหิน:
1 ความสามารถในการปรับขนาดที่จำกัด: สถาปัตยกรรมแบบเสาหินอาจเป็นเรื่องยากที่จะปรับขนาดในแนวนอน (เช่น เพิ่มอินสแตนซ์เพิ่มเติม) เมื่อระบบเติบโตขึ้น เนื่องจากระบบทั้งหมดจะต้องใช้งานและอัปเดตร่วมกัน
2 ความยืดหยุ่นที่จำกัด: เนื่องจากสถาปัตยกรรมเสาหินเป็นหน่วยเดียว จึงอาจเป็นเรื่องยากที่จะทำการเปลี่ยนแปลงหรืออัปเดตส่วนประกอบแต่ละส่วนโดยไม่กระทบต่อทั้งระบบ
3 ความเสี่ยงที่สูงขึ้นของการหยุดทำงาน: หากมีปัญหากับระบบเสาหิน อาจทำให้ทั้งระบบล่มได้ เนื่องจากส่วนประกอบทั้งหมดได้รับการบูรณาการอย่างแน่นหนา
ตัวอย่างโลกแห่งความเป็นจริงของสถาปัตยกรรมเสาหิน:
1 Microsoft Office: ชุดโปรแกรม Microsoft Office เป็นแอปพลิเคชันขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วย Word, Excel, PowerPoint และเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอื่นๆ
2 Adobe Photoshop: Adobe Photoshop เป็นแอปพลิเคชั่นขนาดใหญ่ที่ให้คุณสมบัติการแก้ไขและการจัดการภาพที่หลากหลาย 3 Google Chrome: เว็บเบราว์เซอร์ Google Chrome เป็นแอปพลิเคชันขนาดใหญ่ที่มีกลไกการเรนเดอร์เว็บ อินเทอร์เฟซผู้ใช้ และคุณลักษณะอื่นๆ



