อะไรทำให้ดนตรีแจ๊สมีเอกลักษณ์?
Jazziness เป็นคำที่ใช้อธิบายคุณสมบัติและลักษณะเฉพาะของดนตรีแจ๊ส ซึ่งทำให้ดนตรีแจ๊สแตกต่างจากแนวอื่นๆ องค์ประกอบสำคัญบางประการที่มีส่วนทำให้เกิดเสียง "แจ๊ส" ได้แก่:
1 การแสดงด้นสด: นักดนตรีแจ๊สมักจะแสดงด้นสดระหว่างการแสดง โดยสร้างสรรค์ท่วงทำนองและโซโลใหม่ๆ ทันที สิ่งนี้ทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์และความเป็นธรรมชาติในดนตรีในระดับสูง
2 จังหวะสวิง: ดนตรีแจ๊สมีลักษณะเฉพาะด้วยจังหวะสวิงที่หนักแน่น ซึ่งทำให้ดนตรีรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวไปข้างหน้าและมีพลัง
3 โน้ตสีน้ำเงิน: ดนตรีแจ๊สมักมี "โน้ตสีน้ำเงิน" ซึ่งเป็นเวอร์ชันแบนหรือโค้งงอของสเกลเมเจอร์หรือไมเนอร์ปกติ โน้ตเหล่านี้ทำให้ดนตรีมีเสียงที่โดดเด่นและเต็มไปด้วยอารมณ์
4 จังหวะหลายจังหวะ: นักดนตรีแจ๊สมักใช้จังหวะหลายจังหวะซึ่งเกี่ยวข้องกับจังหวะที่ขัดแย้งกันหลายจังหวะที่เล่นพร้อมกัน สิ่งนี้จะสร้างเสียงที่ซับซ้อนเป็นชั้นซึ่งจะเพิ่มความลุ่มลึกและความน่าสนใจให้กับเพลง
5 การแลกเปลี่ยนกิริยา: นักดนตรีแจ๊สมักใช้การแลกเปลี่ยนกิริยา ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้โหมดดนตรีหรือสเกลที่แตกต่างกันระหว่างดนตรีชิ้นเดียว สิ่งนี้ทำให้เกิดความยืดหยุ่นและความคิดสร้างสรรค์ในดนตรีในระดับสูง
6 การโทรและตอบกลับ: ดนตรีแจ๊สมักจะมีรูปแบบการโทรและตอบกลับ โดยที่นักดนตรีคนหนึ่งจะเล่นวลีและอีกคนจะตอบด้วยวลีเสริม สิ่งนี้สร้างความรู้สึกของการสนทนาและการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างนักดนตรี
7 เทคนิคที่น่าเกรงขาม: นักดนตรีแจ๊สขึ้นชื่อในด้านทักษะทางเทคนิคที่น่าเกรงขาม ซึ่งทำให้พวกเขาสามารถเล่นท่วงทำนองและโซโลที่ซับซ้อนได้อย่างง่ายดาย
8 เน้นที่การแสดงออกของแต่ละบุคคล: ดนตรีแจ๊สเป็นเรื่องเกี่ยวกับการแสดงออกและความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละบุคคล และนักดนตรีได้รับการสนับสนุนให้นำสไตล์และบุคลิกภาพที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองมาสู่ดนตรี
องค์ประกอบเหล่านี้ล้วนมีส่วนทำให้เกิดเสียง "แจ๊ส" ที่ทำให้ดนตรีแจ๊สแตกต่างจากแนวอื่นๆ