Eponyms ในภาษาอังกฤษ: การทำความเข้าใจคำที่มาและต้นกำเนิดของพวกเขา
คำนามคือคำหรือวลีที่ได้มาจากชื่อของบุคคล สถานที่ หรือสิ่งของจริงๆ ชื่อเหล่านี้อาจใช้เพื่ออธิบายลักษณะหรือคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกันซึ่งเกี่ยวข้องกับแหล่งที่มาดั้งเดิม ตัวอย่างเช่น " Machiavellian" เป็นคำที่มาจากชื่อของนักปรัชญาการเมืองชาวอิตาลี Niccolo Machiavelli และใช้เพื่ออธิบายกลวิธีอันชาญฉลาดหรือโหดเหี้ยมในการเมืองหรือสาขาอื่นๆ
2 อะไรคือตัวอย่างของ eponyms ในภาษาอังกฤษ ?
นี่คือ eponyms ทั่วไปในภาษาอังกฤษ:
* "Machiavellian" (มาจาก Niccolo Machiavelli)
* "Orwellian" (มาจาก George Orwell)
* "Kafkaesque" (มาจาก Franz Kafka)
* "ไอน์สไตเนียน" (มาจากอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์)
* "ฟรอยด์" (มาจากซิกมันด์ ฟรอยด์)
* "ลัทธิมาร์กซิสต์" (มาจากคาร์ล มาร์กซ์)
* "นโปเลียน" (มาจากนโปเลียน โบนาปาร์ต)
* "เสื้อคลุมสเปียร์เรียน" ( มาจาก Maximilien Robespierre)
3 eponyms แตกต่างจากคำประเภทอื่นอย่างไร ?
Eponyms แตกต่างจากคำประเภทอื่นตรงที่มาจากชื่อของบุคคล สถานที่ หรือสิ่งของใดๆ และใช้เพื่ออธิบายลักษณะหรือคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกันที่เกี่ยวข้องกับแหล่งที่มาดั้งเดิม คำประเภทอื่นๆ เช่น คำอุปมาอุปไมยหรืออุปมา ไม่ได้มาจากแหล่งที่มาเฉพาะเจาะจง แต่ใช้เพื่อสร้างการเปรียบเทียบหรือการเปรียบเทียบระหว่างแนวคิดที่ต่างกัน นอกจากนี้ eponyms มักจะใช้เพื่ออธิบายอุดมการณ์ ปรัชญา หรือรูปแบบเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับแหล่งที่มาดั้งเดิม ในขณะที่คำประเภทอื่นอาจมีความหมายทั่วไปหรือเป็นนามธรรมมากกว่า
4 นิรุกติศาสตร์ของคำว่า "eponym" คืออะไร ?
คำว่า "eponym" มาจากคำภาษากรีก "eponymous" ซึ่งแปลว่า "การตั้งชื่อให้บางสิ่งบางอย่าง" คำนี้ถูกใช้ในภาษาอังกฤษตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 เพื่ออธิบายบุคคลหรือสิ่งของที่ให้ชื่ออย่างอื่น เมื่อเวลาผ่านไป คำนี้ถูกนำมาใช้โดยเฉพาะเพื่ออธิบายคำหรือวลีที่ได้มาจากชื่อของบุคคล สถานที่ หรือสิ่งของจริงๆ



